เมนู

[374] ภิกษุให้ทำสันถัตทุกปี ต้องอาบัติ 2 คือ ให้ทำเป็นทุกกฏ
ในประโยค 1 ให้ทำเสร็จแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[275] ภิกษุไม่ถือเอาคืบสุคตโดยรอบแห่งสันถัตเก่า แล้วให้ทำ
สันถัตสำหรับนั่งใหม่ ต้องอาบัติ 2 คือ ให้ทำ เป็นทุกกฏในประโยค 1 ให้
ทำเสร็จแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[276] ภิกษุรับขนเจียมแล้วเดินทางเกิน 3 โยชน์ ต้องอาบัติ 2
คือ เกิน 3 โยชน์ไปก้าวที่ 1 ต้องอาบัติทุกกฏ 1 เกินไปก้าวที่ 2 เป็น
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[277] ภิกษุใช้ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติให้ซักขนเจียม ต้องอาบัติ 2 คือ
ให้ซัก เป็นทุกกฏในประโยค 1 ให้ซักแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[278] ภิกษุรับรูปิยะ ต้องอาบัติ 2 คือ รับ เป็นทุกกฏในประโยค
1 รับแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[279] ภิกษุถึงความแลกเปลี่ยนด้วยรูปิยะมีประการต่าง ๆ ต้องอาบัติ
2 คือ ถึง เป็นทุกกฏในประโยค 1 ถึงแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[280] ภิกษุถึงการซื้อและขายมีประการต่าง ๆ ต้องอาบัติ 2 คือ ถึง
เป็นทุกกฏในประโยค 1 ถึงแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
โกสิยวรรค ที่ 2 จบ

ปัตตวรรค ที่ 3


[281] ภิกษุเก็บอติเรกบาตรล่วง 10 วัน ต้องอาบัติ 1 คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์.

[282] ภิกษุมีบาตร มีรอยร้าวหย่อน 5 แห่ง ให้จ่ายบาตรอื่นใหม่
ต้องอาบัติ 2 คือ ให้จ่าย เป็นทุกกฏในประโยค 1 ให้จ่ายแล้ว เป็นนิสสัคคิย-
ปาจิตตีย์ 1.
[283] ภิกษุรับประเคนเภสัชแล้วเก็บไว้เกิน 7 วัน ต้องอาบัติ 1
คือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[284] ภิกษุแสวงหาจีวร คือ ผ้าอาบน้ำฝน เมือฤดูร้อนยังเหลือ
เกิน 1 เดือน ต้องอาบัติ 2 คือ แสวงหา เป็นทุกกฏในประโยค 1 แสวงหา
ได้แล้วเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[285] ภิกษุให้จีวรแก่ภิกษุเองแล้ว โกรธ ขัดใจ ชิงเอามา ต้อง
อาบัติ 2 คือ ชิงเอามา เป็นทุกกฏในประโยค 1 ชิงเอามาแล้ว เป็นนิสสัคคิย-
ปาจิตตีย์ 1.
[286] ภิกษุขอด้ายมาเองแล้ว ให้ช่างหูกทอจีวร ต้องอาบัติ 2 คือ
ให้ทอ เป็นทุกกฏในประโยค 1 ให้ทอเสร็จแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[287] ภิกษุอันเขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน เข้าไปหาช่างหูกของพ่อ
เจ้าเรือนผู้มิใช่ญาติ แล้วถึงความกำหนดในจีวร ต้องอาบัติ 2 คือ ถึงความ
กำหนดเป็นทุกกฏในประโยค 1 ถึงความกำหนดแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[288] ภิกษุรับอัจเจกจีวรแล้ว เก็บไว้เกินสมัยที่เป็นจีวรกาล ต้อง
อาบัติ 1 คือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[289] ภิกษุเก็บจีวร 3 ผืน ๆ ใดผืนหนึ่ง ไว้ในละแวกบ้านแล้วอยู่
ปราศเกิน 6 ราตรี ต้องอาบัติ 1 คือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์.

[290] ภิกษุรู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไว้เป็นของจะถวายสงฆ์ มาเพื่อ
ตนต้องอาบัติ 2 คือ น้อมมา เป็นทุกกฏในประโยค 1 น้อมนาแล้ว เป็น
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
ปัตตวรรค ที่ 3 จบ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ 30 สิกขาบท จบ


คำถามและคำตอบอาบัติในปาจิตติยกัณฑ์


มุสาวาทวรรค ที่ 1


[291] ถามว่า ภิกษุกล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ ต้องอาบัติเท่าไร ตอบว่า
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ ต้องอาบัติ 5 คือ ภิกษุมีความปรารถนาลามก ถูกความ
ปรารถนาครอบงำ กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมอันไม่มี ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ
ปาราชิก 1 ตามกำจัดภิกษุด้วยธรรมมีโทษถึงปาราชิกอันไม่มีมูล ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส 1 ภิกษุกล่าวว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเป็นพระ-
อรหันต์ เมื่อผู้ฟังเข้าใจความ ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 ไม่เข้าใจความ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ 1 เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะสัมปชานมุสาวาท 1 ภิกษุกล่าวเท็จทั้งรู้อยู่
ต้องอาบัติ 5 เหล่านี้.
[292] ภิกษุด่า ต้องอาบัติ 2 คือ ด่าอุปสัมบัน ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ 1 ด่าอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ 1.
[293] ภิกษุกล่าวคำส่อเสียด ต้องอาบัติ 2 คือ กล่าวคำส่อเสียด
แก่อุปสัมบัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1 กล่าวคำส่อเสียดแก่อนุปสัมบัน ต้องอาบัติ
ทุกกฏ 1.